Friday, December 28, 2007

แนะนำลีนุกส์พันธุ์ไทย

สำหรับทุกท่านที่ทำงานกับ Open Source คงทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่าปัจจุบัน Linux มีการพัฒนาออกมาอย่างแพร่หลาย นับได้เป็นพัน ๆ Distro กันเลยทีเดียว แต่สำหรับผู้ที่เริ่มต้นผมอยากจะแนะนำลีกนุกส์พันธุ์ไทยอีกตัวหนึ่งที่พัฒนาด้วยฝีมือคนไทย โดยมีหน่วยงานที่ชื่อว่า NECTEC หรือที่รู้จักกันในนาม "ศูนย์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ" เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ลีนุกส์ที่ว่านี้มีชื่อว่า Linux Tle และ Linux SIS นั่นเอง เท่าที่ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้พัฒนา เขาบอกว่าเจ้า Linux SIS จะมีคุณสมบัติของการทำงานด้าน Server เป็นอย่างดี ส่วน Linux Tle จะมีคุณสมบัติของการทำงานด้าน Desktop (Linux Tle พัฒนาจาก Ubuntu) และมี packet ให้ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ปัจจุบัน Linux Tle ได้พัฒนาไปถึง Tle9.0 Beta 1 Release ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ผู้พัฒนาได้ใช้ Code Name ว่า "Hua-Hin"(สงสัยไป Get idea กันที่หัวหินก็เลยใช้ Code Name นี้)

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามการพัฒนาได้ที่ http://www.opentle.org นะครับ...

Thursday, December 27, 2007

Web caching with Squid NT

สำหรับการทำ Web Caching หรือที่ทุกคนคุ้นหูกันอีกชื่อคือ Proxy นะครับ ประโยชน์ของมันก็คือระบบจะทำการ Cache เว็บต่าง ๆ ที่เราได้เรียกออกไป เพื่อให้การเรียกครั้งต่อไปทำให้เร็วขึ้น การทำ Web Caching นั้นสามารถทำได้ทั้งบน windows และ linux และนอกจากที่เป็น Software ยังมี Hardware ที่สามารถทำ Web Caching ได้เหมือนกันนะครับแต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมในองค์กรระบบกลางสักเท่าไหร่เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง และการ upgrade version ของ firmware ยังมีความยุ่งยากอยู่พอสมควร การทำ Web Caching ที่ผมจะได้กล่าวในลำดับต่อไปจะใช้ SquitNT นะครับ รันบน Windows พร้อมแล้วก็ลุยกันเลยครับ

ขั้นตอนการติดตั้ง
Step1. ดาวน์โหลดโปรแกรม SquitNT จาก http://www.serassio.it/SquidNT.htm (แนะนำ 2.6.STABLE5-NT นะครับ)

Step2. ทำการ Unzip ไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาไปไว้ยัง Directory ที่จะทำการติดตั้ง ปกติแล้วก็จะอยู่ที่ C:\Squid

Step3. ตรวจสอบ Build Options จากไฟล์ docs\CompileOptins.txt นะครับ

Step4. copy และเปลี่ยนชื่อไฟล์ที่มีอยู่ใน floder etc ดังนี้
  • squid.conf.default --> squid.conf
  • mime.conf.default --> mime.conf
  • cachemgr.conf.default --> cachemgr.conf
Step5. แก้ไขและเปลี่ยนแปลงค่าต่าง ๆ ในไฟล์ squid.conf (ค่า path ที่เป็น c:/squid ให้ใช้ '/' ไม่ใช่ '\' นะครับ) สำหรับค่าตัวแปรต่าง ๆ ที่ต้องแก้มีดังนี้
  • ค้นหาคำว่า visible_hostname และให้ใส่ hostname(ชื่อเครื่องเรานั่นแหล่ะ) เข้าไป
  • ให้เอาเครือ่งหมาย # หน้าคำว่า acl our_networks และให้ใส่ค่า Network ของหน่วยงานท่านลงไปนะครับ เช่น acl our_networks 192.168.0.0/24
  • เอาเครื่องหมาย # หน้าคำว่า http_access allow our_networks ออก
  • หาบรรทัดที่เขียนว่า port 3128 ให้เปลี่ยนเป็น port 8080
Step6. ไปที่ dos prompt ในตำแหน่ง c:\squide\bin> ให้ใช้คำสั่ง squid -z แล้ว enter โปรแกรมจะทำการสร้าง Swap Directories ขึ้นมาให้เรา

Step7. start การทำงานของ squid ด้วยการพิมพ์คำสั่ง squid (ยังอยู่ที่ dos prompt นะครับ) แล้ว enter หน้าจอ dos prompt จะค้างและแสดงสถานะการทำงาน

Step8. ทดสอบการทำงานจากเครื่อง client โดยการทำงานที่ port 8080
  • วิธี set proxy ที่เครื่อง client ถ้าใช้ IE ก็ไปที่เมนู Tool-->Option-->Tab Connection-->Lan Setting--ใส่ ip ของ proxy server ลงไปแล้วก็ตอบ Ok ออกมาตามลำดับนะครับ
Step9. ในกรณีที่ต้องการให้ Squid รันเป็น Service ของ Windows ก็สามาระทำได้ดังนี้
  • เข้าไปใน Dos Prompt ที่ตำแหน่ง c:\squid\sbin ใช้คำสั่ง squid -i -f c:/squid/etc/squid.conf -n squid
เพียง 9 ขั้นตอนนี้เราก็จะได้ proxy server ขึ้นมาใช้งานแล้วครับ หากต้องการดู log การใช้งาน internet ก็สามารถดูได้ที่ c:\squid\var\logs\access.log ลองดูนะคร๊าบ......

Tuesday, December 25, 2007

รู้จักกับ CVSUP

รายละเอียดตาม link ด้านล่างนี้เลยครับ

Friday, December 21, 2007

Mozilla ​เปิดโหลด​ Firefox 3 Beta 2

Mozila เปิดโหลด Firefox 3 Beta 2 โดยในเวอร์ชั่นนี้มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพขึ้น ซึ่งถ้ามีการเปิดเว็บไซต์ที่มีไฟล์ที่ไม่พึงประสงค์ก็จะไม่อนุญาติให้คลิกลิงค์ต่าง ๆ ในหน้านั้น

Thursday, December 20, 2007

Compile Kernel

การ Compile kernel คือการทำให้ระบบปฏิบัติการของเราทำงานภายใต้สภาวะแวดล้อมของ hardware ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธภาพมากที่สุด และทำให้การบูตทำงานได้เร็วขึ้น ใช้ memory น้อย และเราสามารถที่จะทำให้ระบบปฏิบัติการของเรารองรับการทำงานกับ Hardware ใหม่ ๆ ได้ด้วย

การ Compile kernel ด้วยวิธีนี้น่าจะใช้ได้กับ FreeBSD ทุก ๆ เวอร์ชั่นนะครับ เพราะผมลองบน FreeBSD5.4 จนมาถึง FreeBSD6.2 ก็ยังใช้วิธีนี้ได้อยู่ ขั้นตอนการ Compile kernel มีดังนี้ครับ

Step 1. ที่ FreeBSD Server ทำการ Login ด้วย root นะครับ

Step 2. #cd /usr/src/sys/i386/conf (Step นี้หากไม่มี Floder ตามนี้ให้ดูวิธีแก้ปัญหาได้ที่นี้)

Step 3. #cp GENERIC MYKERNEL (เมื่อ GENERIC คือ Defualt kernel ที่ระบบติดตั้งมาให้ และ MYKERNEL คือ kernel ที่เราจะ compile ขึ้นมาใหม่)

Step 4. #vi MYKERNEL
  • หาบรรทัดที่เขียนว่า ident GENERIC แล้วให้แก้เป็น ident MYKERNEL
  • เพื่ม Options ต่าง ๆ ตามใจชอบ ต่อท้ายในส่วนของ Options
  • ทำการบันทึกไฟล์
Step 5. #config MYKERNEL

Step 6. #cd ../compile/MYKERNEL

Step 7. # make depend; make; make install
เคาะ enter ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็รอ(ต้มมาม่ากินรอ)จนกว่าระบบจะ compile เสร็จ แล้วรีสตาร์ทระบบด้วยคำสั่ง reboot นะครับ

Step 8. หลังจาก reboot เข้ามาแล้วให้ตรวจสอบว่าได้ Kernel ตัวใหม่ขึ้นมาทำงานแล้วยัง คำสั่งที่ใช้ตรวจสอบคือ uname -a
  • FreeBSD yourhostname.yourdomainname 6.2-RELEASE FreeBSD 6.2-RELEASE #0: Thu Dec 20 12:01:20 ICT 2007 root@yourhostname.yourdomainname:/usr/src/sys/i386/compile/MYKERNEL i386 (หลังจาก Compile)
  • FreeBSD yourhostname.yourdomainname 6.2-RELEASE FreeBSD 6.2-RELEASE #0: Thu Dec 20 12:01:20 ICT 2007 root@yourhostname.yourdomainname:/usr/src/sys/i386/compile/GENERIC i386 (ก่อน Compile)
แนะนำว่าก่อนทำการ Compile ให้ใช้คำส่ง uname -a ตรวจสอบดูก่อน หลังจากทำ Step 1-7 เสร็จค่อยสั่ง uname -a ดูอีกครั้งจะเห็นความแตกต่าง จุดสังเกตให้เราสังเกตที่คำว่า GENERIC จะเปลี่ยนเป็น MYKERNEL นั่นหมายถึงเราได้ Kernel ตัวใหม่ขึ้นมาใช้แล้ว ลองทำดูนะครับ...

Sunday, December 16, 2007

Backup Database ด้วย mysqldump

หลายท่านอาจจะเคยเจอปัญหาเหมือนผมนะครับ เวลาเราจะ backup database แต่ว่าฐานข้อมูลมีขนาดโตเกินไป ถ้าจะใช้ phpMyAdmin ทำการ export ออกมาก็ error ซะก่อน(ว้าแย่จัง) แต่ไม่เป็นไรครับทุกปัญหาต้องมีทางออก พร้อมแล้วยังครับ ถ้าพร้อมแล้วเรามาแก้ปัญหานี้ไปพร้อม ๆ กันเลย(ผมลองบน FreeBSD นะครับ)

Step 1. เดินไปที่ห้อง Server แล้ว Login ด้วย root (เครื่องที่ต้องการจะBackup Database นะครับ)

Step 2. เมื่อ Login เป็น root เข้ามาแล้วให้ใช้คำสั่ง # mysqldump db1 > db1.sql -u root -p จากนั้นก็ enter ระบบจะถามรหัสผ่านของ mysql root ก็ให้กรอกรหัสลงไปนะครับ (db1 คือฐานข้อมูลที่ต้องการ Backup ส่วน db1.sql คือชื่อฐานข้อมูล(sql file) ที่ระบบจะ dump ออกมา) รอสักครู่เราจะได้ sql file ออกมา(sql file จะถูกบันทึกลงไปใน directory ที่เรากำลังทำงานอยู่) เป็นอันเสร็จเสร็จการ Backup Database

Step 3. หลังจากได้ sql file มาแล้ว การนำ sql file ไปใช้งาน(restore) ให้ใช้คำสั่งต่อไปนี้ครับ # mysqldump db1 < db1.sql -u root -p จากนั้น enter ก็ให้กรอกรหัสผ่านของ mysql root ลงไป รอสักครู่ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการ Restore Database ด้วยคำสั่ง mysqldump

ลองดูนะครับ...

Friday, December 14, 2007

การติดตั้ง ntop(Network Monitoring Utility) บน Ubuntu7.10

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จัก ntop นะครับ ntop ถือว่าเป็น ulility อีกตัวหนึ่งที่มีให้ใช้งานบน ubuntu ประโยชร์ของเจ้า ntop ก็เปรียบเสมือน รปภ. นั่นแหล่ะครับ แต่ในที่นี้จะเป็นผู้ที่เผ้าติดตามดู traffic ที่เกิดขึ้นในระบบ ตลอดจน protocal ต่าง ๆ ที่มีการใช้งาน ซึ่งการดู report ต่าง ๆ ที่เจ้า ntop ได้เก็บ log ต่าง ๆ ไว้ให้เรา สามารถดูได้โดยเรียกผ่าน Browser ซึ่งจะได้กล่าวถึงการเรียกใช้งานในลำดับต่อไป ว่าแล้วก็ไปลุยกันเลยครับ

สำหรับวิธีติดตั้ง มีดังนี้
อันดับแรกเปิด terminal เจ้าเก่าขึ้นมาก่อนนะครับ ที่เมนู Applications --> Accessories --> Terminal

ลำดับต่อมาให้ใช้คำสั่ง $ sudo apt-get install ntop แล้วเคาะ enter ระบบจะถามหารหัสผ่าน ก็ให้กรอกรหัสของเราเข้าไป

รอสักครู่ เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้สั่ง $sudo ntop อีกครั้ง

จากนั้นให้ใช้คำสั่ง $ sudo apt-get install grahviz เพื่อให้เราสามารถเรียกใช้งานผ่าน Browser ได้ และในขั้นตอนนี้ระบบจะให้เรากรอกรหัสผ่านเพื่อใช้ในการ authen เข้าไปแก้ไขค่า preference ต่าง ๆ

มาถึงขั้นตอนสุดท้ายเราก็สั่งให้ ntop เริ่มทำงานด้วยคำสั่ง $ sudo /etc/init.d/ntop start

หลังจากสั่ง start service ntop แล้วก็ลองเปิด Browser ขึ้นมา แล้วลองเรียก http://localhost:3000 ดูนะครับ ถ้าเรียกได้แสดงว่าการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์(เครื่องที่ติดตั้ง ntop จำเป็นต้องลง apache ไว้ก่อนนะครับ)

ในการเข้าไปแก้ไขค่า preference ต่าง ๆ ของ ntop หลังจากเรียก http://localhost:3000 ขึ้นมาแล้วให้เข้าไปที่เมนู admin --> configure (ใส่ username/password ที่เรากรอกไปเมื่อตอนติดตั้งด้วย) --> preferences

ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้ง ntop (แบบทุลักทุเล) บน Ubuntu 7.10

Monday, December 10, 2007

การติดตั้ง Compiz Fusion บน Ubuntu7.10(Gutsy)

แห่ม! หลายท่านก็คงจะได้สัมผัสกับ Ubuntu7.10(Gutsy) ไปแล้วนะครับ ในเวอร์ชั่นนี้ ก็มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกสบายเพิ่มเข้ามาให้เราได้ใช้งานกันอย่างจุใจกันเลย
และเครื่องมือที่จะมาเพิ่มความสามารถให้กับ Linux Desktop ของเราในที่นี้ก็คือ compiz fusion นั่นเอง
ว่าแล้วก็ลุยกันเลยครับ อันดับแรกให้ท่านเปิด Terminal ขึ้นมาก่อนนะครับ จากนั้นก็พิมพ์คำสั่งลงไปตามนี้

sudo apt-get install compizconfig-settings-manager จากนั้นระบบจะถามรหัสผ่าน

ก็ให้ใส่รหัสผ่านของเท่าน รอสักครู่ระบบจะทำการติดตั้ง compiz manager (นั่งจิบกาแฟรอครับ)
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ท่านสามารถเรียกใช้งาน compiz manager ได้ที่

system --> preferences --> advanced desktop effects settings

ทำการปรับแต่งค่าต่าง ๆ ได้ตามใจชอบเลยครับ สำหรับบทความนี้คงจบแค่นี้ ขอให้มีความสุขกับการเล่น Desktop effects นะครับ